รูปประโยคปฏิเสธ กับ การใช้ Never

Never เป็นคำง่าย ๆ ที่คนใช้สับสนนะครับ โดยเฉพาะในเรื่องของไวยกรณ์ ผมเดาจากประสบการณ์ตัวเองว่า เป็นเพราะหนังสือไวยกรณ์ไทยไปสอนในทำนองคำว่า never, ever, และ already มักใช้กับรูปประโยค Present Perfect tense หรือรูปประโยคกาลเวลาแบบเสร็จสิ้นไปแล้ว บางคนก็เลยจำไปว่าใช้ได้กับ Present Perfect tense เท่านั้น ใช้กับอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่

Never นั้นใช้เหมือนคำวิเศษณ์ (adverb) ทั่วไป แต่มีลักษณะพิเศษคือ ทำให้ประโยคบอกเล่ากลายเป็นประโยคปฏิเสธ ความหมายกลายเป็นปฎิเสธที่เข้มข้นกว่าปฏิเสธปกติ คือ แทนที่จะเป็น “ไม่” ธรรมดา ก็กลายเป็น ไม่เคยเลย หรือ ไม่มีทาง หรือ ไม่มีวัน แล้วแต่ว่าอยู่ในกาลเวลาไหน สถานการณ์ไหน นั่นคือในเรื่องของความหมาย แต่ในเรื่องของไวยกรณ์นั้น never กับ not นั้นบางทีใช้แทนในตำแหน่งเดียวกัน แต่บางทีก็ไม่ใช่ทำให้คนสับสน เช่น

  • I have not been to Europe.    ฉันไม่เคยไปยุโรป
    I have never been to Europe.  ฉันไม่เคยไปยุโรป
  • This will not be the same again.   มันจะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
    This will never be the same again.   มันจะไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
  • He is not feeling well.   เขารู้สึกไม่สบาย (ตอนนี้)
    He is never feeling well.   เขาไม่เคยรู้สึกสบายเลย (หมู่นี้)  ประโยคนี้ความหมายคล้ายกับ He has never been feeling well. แต่เน้นว่าเป็นเรื่องของปัจจุบัน ของตอนนี้  ถ้าเป็น Perfect tense ก็แปลว่า เขาไม่เคยรู้สึกสบายเลย (ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้)  เนื่องจากภาษาไทยไม่มีรูปประโยคกาลเวลาหลากหลาย จะแปลให้ใกล้เคียงที่สุดก็ควรแปลว่า ไม่เคยเลย ทั้งสองประโยค
  • They are not going to like this.   พวกเขาจะไม่ชอบอันนี้   (ใช้ is going to ในความหมายอนาคต)
    They are never going to like this.   พวกเขาไม่มีทางจะชอบอันนี้แน่นอน
  • You should not do this.    คุณไม่ควรทำอันนี้
    You should never do this.   คุณไม่ควรทำอันนี้ (เด็ดขาด)

ประโยคข้างต้นเป็นตัวอย่างที่ never แทน not ในตำแหน่งเดียวกัน แต่เป็นแค่ความบังเอิญทางไวยกรณ์ครับ ลองใช้คำวิเศษณ์คำอื่นแทน never เช่น probably, likely, ฯลฯ ก็จะต้องแทนลงไปในตำแหน่งเดียวกัน เช่น I have probably been to Europe.

คราวนี้มาดูรูปประโยคกาลเวลาอื่น ที่ never กับ not วางตำแหน่งไม่เหมือนกัน

  • He does not like chocolate.   เขาไม่ชอบช็อกโกแลต
    He never likes chocolate.   เขาไม่ชอบช็อกโกแลตเลย สังเกตว่า like กริยาแท้ต้องใช้สอดคล้องกับประธานเอกพจน์ในที่นี้ เพราะฉะนั้นก็ยังคงรูปที่เติม s อยู่
  • I usually do not like chocolate.   ปกติฉันไม่ชอบช็อกโกแลต
    I usually never like chocolate   ปกติฉันไม่ชอบช็อกโกแลตเลย
  • He did not go to Bangkok last year.   เมื่อปีก่อนเขาไม่ได้ไปกรุงเทพฯ
    He never went to Bangkok last year.  เมื่อปีก่อนเขาไม่ได้ไปกรุงเทพฯเลย
  • I did not like vegetable when I was young.  ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่ชอบกินผัก
    I never liked vegetable when I was young.  ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่ชอบกินผักเลย

ก็รู้สึกจะมีแค่รูปประโยคปัจจุบัน กับอดีตเท่านั้นนะครับที่แปลก เพราะประโยคสองแบบนี้ใช้กริยาแท้โดด ๆ โดยไม่มีกริยาช่วย (to be, have, will, etc)  หนักกว่านั้นอีกครับ ประโยคสองแบบนี้สามารถใช้ verb to do เข้ามาช่วยเพื่อเน้นการกระทำได้ เช่น

  • He does like chocolate.   ก็เป็นการเน้นการกระทำของ He likes chocolate.  ถ้าเราจะใส่ never ลงไปให้กลายเป็นปฏิเสธ ก็ทำได้เป็น
    He never does like chocolate.
  • I did like vegetable when I was young.  ก็สามารถทำเป็นปฎิเสธโดยใช้ never ได้เป็น
    I never did like vegetable when I was young.

หวังว่าคงไม่งงนะครับ ถ้างงก็แสดงว่าคุณยังใช้คำวิเศษณ์ไม่ค่อยคล่อง never ในประโยคข้างต้นสามารถแทนด้วยคำวิเศษณ์อื่น เช่น probably โดยคงรูปไวยกรณ์ แต่เปลี่ยนความหมายไป จากไม่เคย ก็กลายสงสังจะเคย  ลองไปเล่นดูนะครับ  สรุปว่า never ใช้ได้กับประโยคทุกกาลเวลาครับ และก็ใช้เหมือนคำวิเศษณ์ที่แทรกในประโยคทั่วไป

Ever ก็น่าสนใจครับในแง่ความหมาย แต่ที่ใช้ไม่หลากหลายเท่า Never มีเวบที่เขียนอธิบายตัวอย่างการใช้ ever ไว้แล้ว ลองไปอ่านดูครับ

Updated: 4 กุมภาพันธ์ 2017

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

three × two =

Copyright © 2013-2024 betterenglishforthai.net