ปฏิเสธซ้อนสอง

เวลาเราพูดแบบปฎิเสธสองอันในประโยคเดียวกัน (Double Negative) เช่น บอกว่า ฉันไม่ปฏิเสธ ก็หมายถึงฉันยอมรับ กลายเป็นความหมายบวกไป ในภาษาอังกฤษนี่ก็มีเยอะครับ เพราะคำที่มีความหมายปฎิเสธมันเยอะ เวลาเติม un-, in-, dis-, … ลงไปข้างหน้าคำคุณศัพท์บางคำก็กลายเป็นความหมายตรงกันข้าม เช่น ถ้าพูดว่า

  • I do not disagree. ก็หมายความว่า I agree. ฉันเห็นด้วย
  • He is not incorrect.  ก็หมายความว่า He is correct.
  • This is not uncommon.  ก็หมายความว่า This is quite common.  อาการอย่างนี้ หรือ เหตุการณ์อย่างนี้เจอบ่อยนะ

ใช้บ่อยมากครับ ใช้ให้ถูกจังหวะก็ฟังดูเข้าท่า เช่น คนฟังอาจจะป่วยมีอาการที่เขาไม่เคยเจอ แต่เราเคยเห็นมาเยอะ เราก็บอกว่า This is not uncommon. ก็ฟังเข้ากับสถานการณ์ดี เพราะ เรากะว่าคนฟังคิดว่ามันประหลาด คงไม่มีใครเป็นกันมาก แต่จริง ๆ แล้วเป็นกันมาก

ที่นี้มาถึงตัวประหลาดที่ไม่มีในภาษาไทย แต่มีในภาษาพูดของภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะกับอเมริกัน คือปฏิเสธซ้อนสองแต่ดันมีความหมายเป็นปฏิเสธอยู่ ขอออกตัวว่า อันนี้สอนให้ฟังให้รู้เรื่องนะครับ ถ้าไม่ชำนาญอย่าเอาไปใช้ มันต้องดูให้เข้ากับกาละเทศะ ผมเองก็คิดว่าไม่เคยใช้ แต่ก็ได้ยินบ่อย ใครชอบดูหนังรับรองต้องเจอ ดูตัวอย่างก่อน เช่น

  • You don’t see nothing yet.  ก็หมายถึงว่า ยังมีอีกเยอะ คุณยังไม่เห็นอะไร เหมือน You don’t see anything yet.
  • I don’t have no friends.  ก็หมายถึงว่า I don’t have any friends.
  • He won’t give no money.  ก็หมายถึง He won’t give any money.

ใครไม่เคยเห็น อาจจะถามว่าแล้วรู้ได้ยัง ว่าเมื่อไรเป็นปฏิเสธซ้อน 1) สังเกตว่ามักมี not กับ no จะ  ๆ อยู่ด้วยกัน แต่ผมไม่อยากตั้งเป็นกฎครับ เพราะมันคงมีข้อยกเว้นอีก  2) ตามสถานการณ์เรามักจะรู้เลยว่าคนพูดหมายถึงอะไร  การใช้แบบนี้ เป็นที่นิยมใช้ในหมู่คนดำ และคนทางใต้ของอเมริกา  คิดว่าเริ่มต้นมาจากคนดำ แต่เดี๋ยวนี้ คนอื่นก็มีใช้มากขึ้น คนขาวก็ใช้ จากที่เคยมองว่าเป็นการพูดของคนเถื่อน คนไม่มีการศึกษา เดี๋ยวนี้ก็เริ่มแปลงเป็นเหมือนการพูดแบบใส่อารมณ์ห้าว ๆ ลงไป  ถ้าเทียบกับภาษาไทยก็คงคล้ายกับเราใส่คำว่า “เว้ย” ลงไป เช่น I don’t have no friends. คือ ฉันไม่มีเพื่อนเว้ย

ก็ไม่ถึงกับไม่สุภาพนะครับ แต่เป็นการพูดแบบไม่เป็นทางการ แบบห้าว ๆ และก็แล้วแต่สถานการณ์ แล้วแต่ความนิยมของท้องถิ่น บางประโยคมีนัยแรง บางประโยคอาจจะไม่แรง (เพราะคนใช้บ่อย) นาน ๆ ใช้ทีก็พอได้ แต่ถ้าใครใช้มากเกินไปก็อาจถูกมองว่าเป็นคนเถื่อน หรือ คนไร้การศึกษาได้

Updated: 18 มีนาคม 2014

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

2 × 4 =

Copyright © 2013-2024 betterenglishforthai.net