ศัพท์และสำนวน

That will be wonderful กับ That would be wonderful.

เราเรียนเรื่อง would ในโรงเรียนน้อยไปครับ เรียนว่าเป็นอดีตของ will ซึ่งก็ถูกต้องเวลาเล่าเรื่องในอดีต แต่ would ยังเอามาใช้กับปัจจุบัน และอนาคตได้ด้วย โดยเฉพาะในภาษาพูด เรื่องนี้ผมเคยเล่าไปนานมากแล้ว มาทบทวนใหม่สำหรับแฟนเพจใหม่หน่อย

ในทางทฤษฎี would ถือเป็นอนาคตแบบสมมติ เช่นพูดว่า If I were a millionaire, I would buy that house. ถ้าฉันเป็นมหาเศรษฐี ฉันจะซื้อบ้านหลังนั้น อันนี้เป็นการสมมติสิ่งที่เกินความจริง หรือเป็นความฝัน ควรใช้ would ไม่ควรใช้ will พอเอา would มาใช้กับการสมมติเหตุการณ์ที่ไม่แน่ไม่นอน ก็ใช้ได้ทั้งสองแบบ would อาจจะแสดงความไม่แน่ใจของผู้พูดมากกว่า will หน่อย เช่น if you drop it,

I would think …

แล้ว I would think ต่างกับ I think อย่างไรครับ อันนี้ตอบยากหน่อย ผมก็นั่งนึกตั้งนาน คุณถามคนอื่นอาจได้คำตอบไม่เหมือนผมเป๊ะ มันอยู่ที่ความรู้สึก คนอื่นอาจจะมีคำตอบที่ดีกว่าผมก็ได้นะครั้บ ผมตอบตามประสบการณ์ส่วนตัว

คำว่า I think … ว่าไปแล้วมันมีได้สองกรณี กรณีที่หนึ่งเป็นการลดความแน่ใจในข้อความที่เราจะบอก เช่น ที่ได้ยกตัวอย่างไปตอนก่อนว่า I think he’s coming. ฉันว่าเขาจะมา อันนี้เราออกความเห็นที่มาจากความรู้ อาจจะคุยกับคนนี้เมื่อวาน หรือฟังคนอื่นมา เรารู้แต่อาจจะไม่แน่ใจ 100% หรือ อยากพูดให้มันอ่อนหน่อย ก็เติม I think เข้าไป หรือ คำอื่น ๆ ตามที่เล่ามาในสองตอนก่อน

กรณีที่สอง ของ I think ก็คือการแสดงความคิดเห็น เช่นคนถามว่าพรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนกันดี หรือถามว่า คิดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเป็นอย่างไร เราจะแสดงความคิดเห็นในกรณีนี้ก็ใช้ I think หรือ I would think ก็ได้ ถ้าถามผม ผมคิดว่า I would think เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ลึกหน่อย ว่าเราใช้ความคิดมากหน่อย หรือ เป็นการปนการคาดคะเนมากหน่อย ใช้ให้ถูก บางทีก็ฟังดูมีวาทะศิลท์เหมือนกันนะครับ คำอื่น ๆ ที่มีความหมายคล้าย ๆ กัน และนิยมพูดกันก็ได้แก่

  • I would guess…

I thought …

อธิบาย I thought ก่อนละกันนะครับ ง่ายหน่อย คนที่ตอบว่า เป็นการคิดในอดีตก็ถูกนะครับ เช่น ถ้าพูดว่า เมือวานนี้ฉันคิดถึงเรื่องนั้น Yesterday I thought about that. อันนี้ก็เป็นการใช้ปกติทั่ว ๆ ไปที่เราเรียนกันมา แต่ประเด็นหลักที่ผมจะเล่าให้ฟังในตอนนี้ เป็นการใช้ปกติทั่ว ๆ ไปอีกกรณีหนึ่ง ที่เราไม่ค่อยได้เรียนกันมา

ยกตัวอย่างเดิมในต่อก่อน สมมติเรามางานเลี้ยงอะไร แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งพูดว่า นายจอห์นไม่มานะวันนี้ John is not coming today.

I think ..

การออกความเห็นในภาษาอังกฤษ ก็ใช้ I think ตามด้วยประโยค เช่น เรามางานอะไร แล้วมีคนสงสัยว่าทำไมเพื่อนคนหนึ่งยังไม่มา เราก็พูดได้ว่า I think he is coming. ฉันคิดว่าเขาจะมานะ หรือ กำลังมานะ

นอกจาก I think แล้ว ฝรั่งก็มีอีกหลายคำ หลายสำนวนสารพัดในการออกความคิดเห็น เอาที่ที่นิยม ๆ และพูดง่าย ๆ เรียงจากความมั่นใจน้อยไปถึงมาก ได้แก่

  • I don’t think …

Something at stake

Stake นี่เป็นศัพท์ง่าย ๆ ที่น่าสนใจนะครับ ออกเสียงเหมือน steak ที่แปลว่า เนื้อเสต็ก แต่คนละความหมาย stake แปลว่า สมอบกก็ได้ (สมอที่ไว้ปักดินยึดของ) หรือแปลว่า การมีส่วนได้เสีย หรือความเป็นเจ้าของก็ได้ ถ้าพูดถึงบริษัท stakeholder ก็หมายถึง ผู้มีหุ้นส่วน ถ้าเป็นเรื่องอื่น ก็หมายถึง ผู้มีส่วนได้เสีย To have a stake in something ถ้าพูดถึงบริษัทก็หมายถึงมีหุ้นส่วนเป็นเจ้าของ ถ้าเรื่องทั่ว ๆ ไปก็หมายถึง มีความสนใจ หรือมีส่วนได้เสีย

Something at stake ก็มีความหมายเหมือน something on the line ที่กล่าวไปตอนที่แล้ว หรือ something at risk ผมก็บอกไม่ค่อยถูกเหมือนกันว่าต่างกันอย่างไร แต่รู้สึกว่า at stake มีความคับขันน้อยกว่าหน่อย และก็คล้าย ๆ กับภาษาไทยที่พูดว่า มีอะไรเป็นเดิมพัน เวลามีความขัดแยังกัน หรือเจรจาอะไรกัน เขาก็นิยมพูดว่า มีอะไร at stake เช่น

  • At lot is at stake in this meeting.

Something on the line

คนไทยมีสำนวนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ว่าหมายถึง ชีวิตเปราะบาง มีความเสี่ยงทุกเมื่อ ฝรั่งก็มีสำนวนคล้าย ๆ กันว่า แขวนอยู่บนเส้น หรือ พูดว่า on the line แต่ใช้กับอะไรก็ได้ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องใช้กับชีวิต เช่น ชื่อเสียง ลาภสมบัติ การแข่งขันกีฬา ศึกสงคราม เป็นต้น ลองดูตัวอย่าง

  • James finally came through when the game was on the line.

A Fine Line

A fine line หรือ a thin line แปลว่า เส้นบาง ๆ ก็ใช้เป็นสำนวนได้เวลาพูดถึงการกระทำ หรือเหตุการณ์ที่บางคนก็เห็นเป็นเรื่องดี แต่บางคนก็เห็นเป็นเรื่องไม่ดี เช่น คนนักมายากลที่โชว์ใส่โซ่ ใส่กุญแจมือเท้าต้วเองแน่นหนา แล้วใส่ตัวเองลงในถังน้ำ ต้องแก้โซ่ให้ได้ก่อนที่ตัวเองจะจมน้ำตาย บางคนก็มองเป็นความเก่งกล้า แต่บางคนก็มองเป็นความบ้า ก็พูดได้ว่า There is a fine line between courage and craziness.

Copyright © 2013-2024 betterenglishforthai.net