ศัพท์และสำนวน

เดินผ่านไป

ดูกริยาที่ใช้กับ by ต่อนะครับ ถ้าจะพูดว่า เดินผ่านไปที่ไหน หรือขับรถผ่านไปที่ไหน จะพูดว่าอย่างไร ถ้าเราไปแปลจากภาษาไทย ก็เป็น walk pass something เพราะ pass แปลว่า ผ่าน ถูกไหมครับ

เกือบถูกครับ ทั้ง walk และ pass เป็นกริยาทั้งคู่ เราไม่ใช้คู่กัน ที่ถูกควรใช้ walk past something  อีกสำนวนหนึ่งที่นิยมใช้ก็ walk by ซึ่งจะตามด้วยคน สิ่งของ หรือ สถานที่ก็ได้  walk past อาจจะสื่อเพิ่มนิดหน่อยว่า เดินผ่านพ้นไป (เช่นเวลาบอกทาง) แต่ walk by นั้นเหมือนในภาษาไทยว่า เดินผ่านไป แต่ก็น่าจะใช้แทนกันได้เป็นส่วนใหญ่ครับ ตัวอย่างเช่น

  • He walked right by me without saying a word.  

Hard to come by

เมื่อวานเขียนถึง come by ก่อนนอน วันนี้ตื่นขึ้นมาก็นึกถึงสำนวน hard to come by ทำให้นึกขึ้นได้ว่า อ้อ come by ยังมีอีกความหมายหนึ่งซึ่งแปลว่า ได้มา หรือ หาเจอ  เหมือน find หรือ obtain นิยมใช้กันมากในสำนวนว่า hard to come by ซึ่งแปลว่า หาได้ยาก  จะใช้คำอื่นที่แปลว่า ยากแทน hard ก็ได้ เช่น not easy หรือ difficult หรือ tough เป็นต้น ตัวอย่างเช่น

  • Honest politicians are hard to come by.  

แวะมาหา

เวลาคุยโทรศัพท์กับเพื่อน แล้วบอกว่า เดี๋ยวแวะมาหาที่บ้านนะ พูดว่าไงครับ ที่เราเรียนมาก็อาจจะพูดว่า I’ll visit you.  หรือ I’ll go to your place.  ก็ใช้ได้นะครับ  แต่มีสำนวนพูดอีกแบบที่ฟังดูเป็นทางการน้อยหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว เช่นบ้านอยู่ละแวกเดียวกัน เจอกันบ่อย ๆ  หรือ เป็นนักเรียนอยู่หอพักละแวกเดียวกัน แต่คนละห้อง หรือ ใช้ในที่ทำงานก็ได้ ที่มีโต๊ะทำงานแยะกันอยู่คนละส่วน หรือคนละชั้น สถานการณ์พวกนี้ใช้คำว่า visit ดูมันหนัก ๆ ไปหน่อย

สำนวนที่ว่าแวะมาหาก็ คือ come by ตามด้วยสถานที่นะครับ ไม่ใช่ตามด้วยคน หรือ จะไม่ตามด้วยกรรมก็ได้ เป็นที่รู้กันมาหาคนที่กำลังพูดด้วย  (ถ้า visit ใช้กับคน หรือสถานที่ก็ได้) เช่น

  • I’ll come by your place tomorrow.  

Enemy vs Adversary vs Rival

ช่วงนี้คนทะเลาะกันเยอะนะครับ ไม่ใช่แค่เมืองไทย ที่เมืองนอกก็เยอะ ภาษาอังกฤษก็มีศัพท์หลายคำเกี่ยวกับการเป็นศัตรู และคู่แข่งกัน  ผมก็ลองนึกเล่น ๆ ว่าคำพวกนี้ต่างกันอย่างไร ก็คิดวิธีอธิบายได้อย่างหนึ่ง คือ ถ้าเอาตัววัดเป็น ความเกลียด ความอยากทำลายฝ่ายตรงข้าม ก็น่าจะเรียงจากตัวที่แรงที่สุดไปถึงอ่อนที่สุดได้ดังนี้

  • อันดับหนึ่งไม่ต้องสงสัย คือ enemy (-[เอน]-เนอะ-มี-) แปลว่า ศัตรู คู่อาฆาต  ในสงครามเขาก็เรียกฝ่ายตรงข้ามว่า enemy  ถ้าใครเรียกใครว่า enemy ก็คือ เกลียดมาก ขนาดอยู่ร่วมกันไม่ได้เลยทีเดียว
  • เบาลงมาหน่อยก็ foe (-โฟ-) หรือ adversary (-[แอด]-เฯอะ-เสะ-รี-) อันนี้ คือ คู่ปรับ คู่ทะเลาะ คู่อริอะไรประมาณนั้น ไม่ถึงกับต้องฆ่าให้หมดไป แต่ต้องเอาให้อยู่หมัด ถ้าเราไม่อัดมัน มันจะอัดเรา ตอนนี้นักการเมืองสหรัฐบางคน ก็มาเริ่มเรียกรัสเซียว่าเป็น adversary
  • เบาลงไปอีก อันนี้ คือ rival (-[ไร]-เฯล-) หมายถึง คู่ปรับ คู่แข่งขัน อันนี้เริ่มเป็นกลาง ๆ หน่อย ไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน อาจจะไม่ชอบหน้ากันได้  แต่ rival มักหมายถึง คู่แข่งขันที่แข่งกันมาเป็นเวลานาน ผลัดกันแพ้ชนะ หรือผลัดกันเก่ง ผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่ใช่เป็นการแข่งนัดเดียวจบ เช่น ทีมชาติไทยกับทีมมาเลเซีย ถ้าแข่งที่ไหนก็มักเจอกัน ผลัดกันแพ้ชนะ อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นคู่ rival ได้

การแข่งขันแบบ rival นี้ก็มีศัพท์นิยมใช้เรียกว่า rivalry (-[ไร]-เฯล-รี-) นอกจากเกมส์กีฬา แล้วก็ใช้กับเรื่องอื่นๆ ได้ เช่น ธุรกิจ  (business rivalry เช่น ไมโครซอฟท์กับแอปเปิล หรือ ซัมซุงกับแอลจี)  การเมือง (political rivalry แข่งกันแพ้ชนะเลือกตั้ง)  เป็นต้น

  • เบาไปอีก ก็น่าจะเป็น competitor (-คอม-[เพท]-ติ-เตอระ-) คู่แข่งขัน มาจากคำกริยาว่า compete (-คอม-[พีท]-) ก็นิยมใช้กับเกมส์กีฬา การประกวด และ ธุรกิจ คำนี้ไม่มีความเกลียดเหลืออยู่นะครับ มีแต่ความอยากเอาชนะ คำว่า competitor ใช้อธิบายลักษณะคนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเจาะจะว่าแข่งกับใครเหมือนคำอื่น ๆ ข้างต้น  เช่น บอกว่า He’s a competitor.  

ปฏิเสธซ้อนสอง

เวลาเราพูดแบบปฎิเสธสองอันในประโยคเดียวกัน (Double Negative) เช่น บอกว่า ฉันไม่ปฏิเสธ ก็หมายถึงฉันยอมรับ กลายเป็นความหมายบวกไป ในภาษาอังกฤษนี่ก็มีเยอะครับ เพราะคำที่มีความหมายปฎิเสธมันเยอะ เวลาเติม un-, in-, dis-, … ลงไปข้างหน้าคำคุณศัพท์บางคำก็กลายเป็นความหมายตรงกันข้าม เช่น ถ้าพูดว่า

  • I do not disagree. ก็หมายความว่า I agree.

Would you mind…? Do you mind…? จะตอบอย่างไร

ท้าวความจากตอนที่แล้วหน่อยว่าคำถาม Would/do you mind .. ? เป็นการขอร้องแบบเกรงใจ ฟังแล้วไพเราะ มีใช้กันสอบแบบ

  • Would/do you mind if I do this? มีความหมายเหมือน Can I do this?
  • Would/do you mind doing this?

Would you … ?

Would เวลามาใช้ในขอร้องคนอื่น ก็ทำให้ฟังดูเพราะครับ Would you mind… เป็นสำนวนที่สุภาพชนชอบใช้กัน แปลตามตัวก็ คุณจะรังเกียจไหมที่… ฟังแล้วไพเราะ เหมือนเป็นการขอแบบเกรงใจ เช่น

  • Would you mind doing that? ช่วยทำอันนั้นให้หน่อยได้ไหม
  • Would you mind coming with me? มากับฉันได้ไหม
  • Would you mind if I sit here?
Copyright © 2013-2024 betterenglishforthai.net