เสียงพยัญชนะที่คนไทยสับสนอีกตัวหนึ่ง คือ เสียงตัว v ตัว v นี้จัดได้ว่าเป็นญาติพี่น้องกับตัว f กับ w ซึ่งตรงกับเสียงในภาษาไทย คือ เสียง -ฟ- กับ -ว- สำหรับเสียงตัว v นั้นภาษาไทยไม่มี ผมก็ขอใช้ตัว -ฯ- แทนเสียงตัว v เมื่อเขียนแสดงการออกเสียงด้วยอักขระไทยนะครับ (กรุณาไปอ่านบทที่ 5 ก่อนนะครับ) สาเหตุที่ใช้ตัว -ฯ- แทนก็เพราะมันดูคล้ายตัว -ว- ดี และคนไทยก็ชอบสับสนเสียงตัวนี้กับเสียง -ว-
เสียง v
ลองมาออกเสียงของตัวญาติพี่น้อง คือ f กับ w ที่เราคุ้นเคยกันดีเสียก่อน เช่น -เฟอะ- กับ -เวอะ- สองตัวนี้ออกเสียงแบบไทย ๆ ได้ไม่ต้องดัดอะไร ลองสังเกตเวลาออกเสียงสองคำนี้ดูซิครับว่าเป็นอย่างไร เสียง -ฟ- เป็นเสียงที่ลมต้องพ่นผ่านฟันบนออกมา เริ่มต้นฟันบนจะสัมผัสกับริมฝีปากล่าง แล้วตอนส่งเสียงผ่านฟันออกมา ปากก็เปิดออกและฟันก็แยกออกจากริมฝีปาก ผมไม่ได้พยายามสอนให้คุณพูดเสียง -ฟ- นะครับ เพราะคนไทยทุกคนทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องการให้สังเกตลักษณะของปากเราเวลาพูดเสียงนี้ เพราะเดี๋ยวเราต้องใช้กัน ลองออกเสียง -เฟอะ- หลาย ๆ ที แล้วสังเกตดูครับ ให้คุ้นเคย คราวนี้ลองทำเสียง -เวอะ- แล้วเทียบกันดูว่า ปากมันไม่ได้คล้ายกันเลย ปากต้องห่อเป็นกลม ๆ แล้วเสียงก็ไม่ผ่านฟัน
คราวนี้มาดูวิธีออกเสียงตัว v หรือ -ฯ- กัน ให้จำง่าย ๆ ว่า เสียง -ฯ- นี้ ทำปากเหมือนเสียง -ฟ- แต่พยายามพูดเป็นเสียง -ว- ลองออกเสียงเทียบกันดูระหว่าง -เฟอะ- กับ -เฯอะ- เวลาทำเสียง -เฯอะ- นั้น บังคับปากให้เหมือนเสียง -เฟอะ- ทุกประการ ทั้งตอนเริ่มต้น และตอนเปล่งเสียง แต่ดันพยายามพูดเป็นเสียง -เวอะ- แทน เสียง -ฯ- นี้ลมจะผ่านฟันน้อยกว่า -ฟ- หน่อย มีความก้องมากกว่า และอาจยาวกว่านิดหน่อย ลองทำสลับกันไปมาดูระหว่าง -เฟอะ- กับ -เฯอะ- ให้มันสบายปากไม่ต้องเกร็ง ใครจะลองส่องกระจกดูก็ได้ ให้มั่นใจว่ารูปปากทำเหมือนกันเวลาพูดสองคำนี้ ถ้ารู้สึกยาก ก็ลองพ่นเสียงผ่านฟันให้น้อยลง ไม่ต้องให้แรงเหมือนกับตัว -ฟ-
รูปปากของเสียง f กับ v หรือ -ฟ-กับ -ฯ-
ลองฝึกฟังและออกเสียงคำที่ขึ้นต้นด้วย v ดูนะครับ ฝึกให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนกับเสียง -ว- ลองพูดให้เพื่อนฟังดูก็ได้ บอกเขาว่า นี่แหละเสียง v ที่คุณฟังเป็นเสียง ว แหวน
- van -แฯน-
- voice -ฯอยส-
- verb -เฯิรบ-
- very -[เฯ]-รี-
- view -ฯิว-
- value -[แฯ]-ลู-
- divide -ดิ-[ไฯด]- division -ดิ-[ฯิ]-ฉัน-
- over -[โอ]-เฯอระ-
- David -[เด]-ฯิด-
- Vietnam -เฯียด-นาม- ถ้าออกเสียงในภาษาไทย ก็เป็น ว แต่ในภาษาอังกฤษเป็นเสียง -ฯ-
ดังนั้น คุณคงเห็นแล้วว่า จริง ๆ แล้วเสียง -ฯ- คล้ายกับเสียง -ฟ- มากกว่าเสียง -ว- เสียอีก ตัวอักษร v นี่ก็ต้องพูดว่า -ฯี- นะครับ ไม่ใช้ วี ชื่อใครที่มีเสียง ว ก็ควรจะสะกดด้วยตัว w ไม่ใช่ตัว v ถ้าคุณใช้ผิดไป เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยน เปลี่ยนไม่ทัน หรือไม่อยากเปลี่ยนก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าเราเจอฝรั่งที่มาเมืองไทย หรือฝรั่งที่สนิทกันหน่อย ออกเสียงคำไทยที่สะกดด้วยตัว v แบบตัว v เราก็อาจจะให้ความรู้เขาหน่อยว่า คุณพูดชื่อฉันไม่ชัดนะ ถ้าเจอชื่อไทยที่สะกดด้วย v ให้ออกเสียงเป็น w คือ แทนที่เราจะว่าเราสะกดชื่อตัวเองผิด ก็ให้กลับเป็นว่า เขาอ่านไม่ถูกเองต่างหาก ฮ่า ฮ่า จริงๆ แล้ว นี่ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องผิดปกติ หรือตลกอะไร เพราะคำในภาษาอังกฤษที่ออกเสียงไม่ตรงกับรูปมีมากมาย โดยเฉพาะคำที่มาจากภาษาอื่น เช่น คำที่มาจากภาษาสเปนที่สะกดด้วยตัว j ต้องออกเสียงเป็นตัว h เช่น เมือง San Jose ต้องอ่านว่า -ส่าน- -[โฮ]-เซ่- เป็นต้น ฝรั่งด้วยกันเองถ้าไม่คุ้นเคย เขาก็อ่านผิดก็มี
ทางฝรั่งเขาจะสอนว่า เสียง -ฯ- เป็นเสียงก้อง (เสียงจากคอ) และเสียง -ฟ- เป็นเสียงไม่ก้อง (เสียงลมผ่านฟันเฉย ๆ) คนไทยเราฟังก็ไม่ค่อยเข้าหูเท่าไร คือ เวลาพูดรากเสียง -ฯ- นั้นให้จับคอแล้วรู้สึกว่าคอสั่น ส่วนรากเสียง -ฟ- นั้นให้คอไม่สั่น เป็นเสียงลมผ่านฟันเฉย ๆ อันนี้เวลาไปเป็นเสียงนำหน้า แล้วผสมสระ คอมันก็สั่นเสมอนะครับ เพราะเป็นเสียงของสระ เช่น van กับ fan ก็เราเลยมองไม่เห็นความแตกต่างของการแยกแยะอันนี้ แต่เสียงก้องกับไม่ก้องนี้ ความแตกต่างจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อเป็นเสียงลงท้าย ซึ่งผมจะกล่าวในตอนต่อไป
เสียงลงท้ายด้วย v หรือ f
เมื่อเสียง -ฟ- กับ -ฯ- เป็นเสียงลงท้าย เราต้องทำปากให้ถูกต้องตอนท้าย สำหรับตัว -ฟ- ให้ออกเสียงลมผ่านฟันออกมาเฉย ๆ แต่ตัว -ฯ- ให้ครางออกมาเป็น -เฯอะ- เล็ก ๆ อยู่ปลายคำแทบไม่ได้ยิน ทั้งสองตัวนี้ออกเสียงคล้ายกันมาก เสียงที่ลงท้ายด้วย -ฯ- จะก้องกว่า และยาวกว่า ถ้าใครทำให้ต่างกันไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ ตามปัญญาน้อย ๆ ของผมคิดว่า ความแตกต่างนี้ไม่ค่อยมีผลต่อการเข้าใจของคนฟังนัก ขอให้ทำปากให้ถูกก็แล้วกัน แต่ถ้าใครทำได้ก็ดี ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดู
- have -แฮฯ-
- half -แฮฟ- หรือ -ฮาฟ- ก็ได้
- live -ลิฯ-
- leave -ลีฯ-
- leaf -ลีฟ-
- serve -เสิรฯ- แปลว่า ให้บริการ
- serf -เสิรฟ- แปลว่า เล่นโต้คลื่น
- cave -เคฯ-
ความแตกต่างของเสียงลงท้ายนี้จะเริ่มเห็นผลชัดเจน เมื่อมีเสียงสระเพิ่มขึ้นมา ลองต่อท้ายตัว serve กับ serf ด้วย -er กับ -ing แล้วพูดดูครับ เช่น serve, server, serving
- server -เสิร-เฯอระ-
- serving -เสิร-ฯิง-
- serfer -เสิร-เฟอระ-
- serfing -เสิร-ฟิง-
คำที่ลงท้ายด้วย -gh บางคำ ก็ออกเป็นเสียง -ฟ- เหมือนกัน เช่น
- tough -ทัฟ-
- cough -คอฟ-
และคำที่มีตัวอักษร ph ติดกันก็มักออกเสียงเป็น -ฟ- แทบทั้งนั้น เช่น
- phone -โฟน-
- phase -เฟซ- ที่เราเรียกทับศัพท์ว่า เฟส
- hyphen -[ไฮ]-เฟิน- เป็นชื่อเรียก ตัวอักขระที่เป็น สัญลักษณ์ขีดกลาง
- graph -แกรฟ- หรือ -กราฟ- ก็ได้
คนไทยเราบางทีไปเขียนทับศัพท์เสียง พ เป็น ph เช่น คำว่า ภูเก็ต เราเขียนเป็น Phuket เช่นเดียวกันครับ ถ้าเห็นคนต่างชาติพูดไม่ถูก ก็สอนเขาหน่อย ว่าคำนี้ออกเสียงเหมือน p เฉย ๆ
» ไปบทถัดไป 7. เสียง s และ z » กลับไปที่ สารบัญ