ถ้าจะให้เลือกพระเอก และนางเอกของรายการออกเสียงภาษาอังกฤษนี่ เห็นจะหนีไม่พ้นตัว R กับ L เนื่องจากว่า 1) พบเห็นบ่อยมาก 2) คนไทยพูดผิดเยอะ และ 3) เป็นเสียงที่ออกเข้มข้นมากเมื่อเทียบกับเสียงอื่น ๆ ไม่ว่าตัว R หรือ L จะอยู่ที่ต้นคำ กลางคำ หรือท้ายคำ คือ มันมีอิทธิพลต่อเสียงของคำนั้น ๆ มาก ว่างั้นเถอะ ดังนั้น ผมถึงเลือกตัว R กับ L เป็นเรื่องแรกที่ต้องบอกกล่าวกัน ผู้ที่ได้ออกเสียงผิดมาโดยตลอด ถ้าทำสองตัวนี้ให้ถูกได้ ภาษาอังกฤษคุณจะชัดขึ้นหลายขุม มันเหมือนเป็นการเดินก้าวแรกได้แบบเป็นการก้าวกระโดดเลยนะครับ
เสียง L ลงท้าย
ขอเริ่มจากอันที่ง่ายก่อน เสียง L นี่เหมือนเสียง “ล” ของไทยเรา แต่เราทำกันได้ถูกต้อง เฉพาะ เวลามันเป็นอักษรนำหน้าพยางค์ เช่น land -แลนด- หรือ alone -อะ-[โลน] คำพยัญชนะควบกล้ำเราก็ยังทำได้ เช่น plan -แพลน- เวลาออกเสียง -ล- ลิ้นเราจะแตะเพดานของปากตรงโคนฟันบน ลองสังเกตการออกเสียง -แพน- กับ -แพลน- คำแรกลิ้นไม่แตะเพดานปาก แต่คำที่สองจะแตะ อันนี้เหมือนในภาษาไทยไม่มีผิด ทั้งเสียง ทั้งหลักการ อ้าว แล้วมีปัญหาอะไรครับ ปัญหาของ L นี้อยู่ที่เวลาเสียงนี้อยู่ที่อยู่ท้ายคำครับ เพราะเราไม่ออกเสียงพวกนี้กันในภาษาไทย แล้วมันแสบมาก ผมจำได้สมัยไปอเมริกาใหม่ ๆ ไปว่ายน้ำ แล้วไม่รู้วางแว่นดำน้ำอยู่ไหน บ่นกับคนว่ายน้ำข้าง ๆ ว่า I lost my goggle. เขาฟังแล้วเขาตอบว่า What? You lost your daughter? ฮ่าฮ่า คนละเรื่องกันเลย เสียง goggle กับ daughter มันก็ไม่ใกล้กันนักหรอก แต่เพราะผมไม่ได้ออกเสียง -ล- ลงท้ายนี่แหละ เขาเลยฟังไม่ชัด
ยกตัวอย่าง แค่พูดตัวอักษร L นี่ก็ผิดแล้ว ตัวนี้ออกเสียงว่า -แอล- เวลาคุณเจอเสียง -ล- ลงท้าย คุณต้องตวัดลิ้นขึ้นมาแตะที่เพดานปากตรงที่ติดกับโคนฟันบน ทำท่าเหมือนจะออกเสียง -เลอะ- ตามออกมาแต่ไม่ต้องออก แต่ให้ออกเป็นเสียงครางสั้น ๆ คล้าย ๆ เออะ หรือ อึอ อยู่ในคอออกมานิดหน่อย การที่เราบังคับลิ้นให้มาแตะที่เพดานปากตอนท้าย และเอื้อนเสียงนี้ จะมีผลทำให้คำยาวขึ้น และเสียงของคำก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ลองออกเสียงเทียบกันดูนะครับ ระหว่าง -แอล- แบบสำเนียงไทยแท้ที่ไม่เอาลิ้นมาแตะเพดานปาก และแบบที่ถูกต้อง คุณควรจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ใครที่ทำแล้วอีดอัด จะเอาลิ้นขึ้นมาแตะแค่ด้านหลังฟันบนก็ได้ ไม่ต้องเอาสูงถึงเพดานปาก ก็จะช่วยให้ทำได้ง่ายขึ้น
รูปปากของเสียง L หรือ -ล-
ลองดูตัวอย่างคำง่าย ๆ ข้างล่างนี้ที่เรารู้จักกันดีนะครับ ลองออกเสียงเทียบกันระหว่างแบบไทยแท้ กับแบบที่ถูกต้อง พอให้รู้จัก เมื่อรู้จะแล้วก็ให้โยนแบบที่ผิดนั้นทิ้งถังขยะไปเลย ฝึกแต่แบบที่ถูก อ้อ ระวังนิดหนึ่ง ศัพท์บางคำเรามาใช้ทับศัพท์ในภาษาไทย เช่น แอปเปิ้ล หรือ รีไซเคิ้ล ถ้าเราไปออกเสียงแบบอังกฤษที่ถูกต้อง คนอาจจะมองหน้าหาว่าพูดดัดจริต ก็ดูเอาตามกาละเทศะก็แล้วกันนะครับ จะออกเสียงเป็นแบบไทยแท้ หรือ กึ่ง ๆ เวลาพูดภาษาไทยก็ได้
- apple -[แอพ]-เพิล- หรือ -[แอพ]-เปิล- ตัว -เปิล- นี้ในภาษาไทยเราออกเสียงลงท้ายเป็นแม่กน คือ -เปิน- อันนี้ไม่ถูกนะครับ ฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง เสียง -น- ลงท้าย กับ -ล- ลงท้ายนั้นต่างกันมาก ตัว -น- เป็นเสียงที่ลิ้นแตะเพดานปากอยู่แล้ว แต่เสียงออกจมูก แต่เสียง -ล- นั้นไม่มีลมออกจมูก แต่ให้ตวัดลิ้นขึ้นมาแตะที่เพดานปาก แล้วเอื้อนสั้น ๆ เหมือนตอนเราออกเสียงอักษร L นะครับ วิธีทดสอบนั้นง่ายมาก ลองเอานิ้วบีบจมูกให้มิดแล้วออกเสียงคำนี้ดู ถ้าเสียงไม่ต่างกันระหว่างมือบีบ ก้บไม่บีบจมูก แสดงว่าคุณทำถูก ถ้าเสียงเพี้ยนตอนบีบจมูก แสดงว่าคุณพยายามออกเสียง -น- อยู่ ลองใช้เทคนิคนี้ ตรวจสอบกับคำที่เราอาจจะเผลอออกเสียงแม่กนออกมานะครับ
- cycle -[ไซ]-เคิล-
- Google -[กู]-เกิล-
- tool -ทูล-
- cool -คูล-
- call -คอล-
- pole -โพล- แปลว่า เสา หรือ poll ที่แปลว่า ไล่ถาม หรือทำโพลสำรวจ นี่ก็เสียงเดียวกัน
- well -เวล-
- full -ฟูล- หรือ -ฟุล-
- smile -สะ-[มายล]- คำนี้เสียงสวยมาก เพราะเวลาทำเสียง มายนี่ปากจะอ้า ลิ้นจะตก เมื่อตวัดกลับมาแตะที่เพดานปาก เสียง -ล- จะเด่นมาก
มีคำจำนวนมากที่ลงท้ายด้วย -ful ทั้งหลาย พวกนี้เป็นสระเออะเบา ๆ รวมกับเสียงปลาย -ล- แทน ก็ออกเป็น -เฟิล- สั้น ๆ จะออกเป็น -ฟุล- ตามรูปเขียนก็พอได้ แต่ขอให้สั้น ๆ ไม่เน้น สระตัวนี้เป็นสระที่เสียงเบา แทบไม่ค่อยได้ยิน เป็นเหมือนสระตัวประกอบเพื่อเชื่อมเสียงพยัญชนะ เราจะพูดถึงอีกครั้งในบทที่ 16 ตอนนี้เอาแค่ลองฝึกออกเสียง -ล- ลงท้ายก่อน
- useful -[ยูส]-เฟิล-
- hopeful -[โฮพ]-เฟิล-
เสียง R นำหน้า
เสียง R เราจะใช้สัญลักษณ์แทนด้วย -ร- ครับ แต่เราจะไม่ออกเป็น ร เรือ กระดกลิ้นแบบไทย คนต่างชาติบางคนแถวตะวันออกกลาง หรือสเปน เขาชอบกระดกลิ้นบ้างเหมือนกันเวลาออกเสียง -ร- เพราะภาษาเขาคงมีการกระดกลิ้นเหมือนไทยเรา ถ้าเราจะกระดกลิ้นเป็นเสียง ร เรือ ฝรั่งที่คุ้นเคยกับสำเนียงเหล่านี้ก็อาจจะแยกแยะออก แต่ผมคิดว่าเราควรฝึกทำเสียง -ร- ให้ถูกต้องจะดีกว่า เพราะ ฝึกง่าย และใช้คุ้ม
วิธีออกเสียง -ร- ให้งอลิ้นขึ้นมาให้มันอยู่กลาง ๆ ช่องปาก ไม่ต้องเกร็งให้มันงอมากนักเองพอสบาย ๆ ลิ้นไม่แตะอะไรทั้งสิ้น เหมือนมันเล่นโยคะอยู่กลางปากนี่ ค้างไว้อย่างงั้น ลองดูสิ คราวนี้ครางเสียงจากคอออกมาว่า “เออ” ลองเปล่งเสียง เอออออ ออกมาให้ยาว ๆ โดยปากค้างอยู่อย่างนั้น เหมือนเรากำลังทดลองเสียงขลุ่ยอยู่ ลองเทียบเสียงกันดูระหว่างขลุ่ยไทย กับขลุ่ยฝรั่ง ลองส่งเสียง เอออออ แบบไทย ๆ ที่ลิ้นไม่งอ เทียบกับเวลาที่ลิ้นคุณงอ ซึ่งเป็นเออที่มีเสียง -ร- ผสมด้วย กลายเป็นเสีย -เอรอ- เป็นไงครับสนุกไม๊ นี่แหละครับคือรากเสียงของ -ร- ไม่ยากเลย ลองใช้เสียง -เอรอ- นี้เป็นการฝึกบริหารปากให้มันชินกันตัวนี้
รูปปากของเสียง R หรือ -ร-
คราวนี้ลองดูเวลาที่เสียงนี้ปรากฏอยู่ในคำบ้าง เช่น term ที่เรายืมคำภาษาอังกฤษมาใช้ว่า เทอม ในภาษาไทย ลองเทียบกันดูระหว่างเสียง “เทอม” กับ -เทอรม- ลิ้นเราจะงอตอนทำเสียงสระ เราก็จะได้ยินเจ้ารากเสียง -ร- และสระก็จะยาวออกมานิดหนึ่ง ถ้ายังไม่แน่ใจว่าทำถูกไหม ก็ลองเทียบเสียงแต่เสียงสระดูก่อนก็ได้ ระหว่าง เออม กับ -เอรม- มันเหมือนเราเป่าขลุ่ยเออเมื่อกี้นี้ แต่เสียงจบลงปากปิด เสียงออกจมูกเป็นตัวสะกด ม ม้า หรือเสียง -ม- นี่แหละ ลองหัดดูให้คล่อง แล้วทดสอบกับคำอื่น ๆ ที่มี -ร- ผสมในสระดู
- -เอร-
- term -เทอรม-
- firm -เฟอรม-
- germ -เจอรม-
- barn -บารน-
- corn -คอรน-
- lord -หลอรด-
- cord -คอรด-
คราวนี้ลองมามาดูเวลาเวลาเสียง -ร- ขึ้นต้นคำบ้าง ออกเสียงคำนี้ดู ring -ริง- ใครไม่แน่ใจว่าทำถูก ลองทำทีละขั้นอย่างนี้ งอลิ้นท่าเดิมแล้วเป่าเสียง ทำเสียง -เอรอ- สักพักแล้วผลักลม ผลักลิ้นลง และเปลี่ยนรูปปากให้เป็นเสียง -ริง- ลิ้นเราจะไม่แตะกับอะไรทั้งสิ้นในคำนี้ เนื่องจากผมเลือกสระอิงมาใช้ในที่นี้ ซึ่งมันก็เป็นเสียงที่ลิ้นไม่แตะอะไรทั้งสิ้น ลองใหม่อีกที เอรอออออออ…ริง เป็นไงครับ เอ้า คราวนี้ตัดเสียง เออ ออกไปหรือให้เหลือแค่นิดเดียวแทนไม่ได้ยิน แล้วก็ออก -ริง- ออกมาเลย นี่แหละเสียง -ริง- ของเรา พระเอกของเราออกมาเต็มตัวแล้ว เทียบกับเสียง “ลิง” นี่มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนเราไม่รู้และไม่หัด เราก็แยกไม่ออก ลองฝึกออกเสียงคำข้างล่างนี้ซึ่งมีเสียง -ร- เป็นเสียงต้นเหมือนกัน ไม่ต้องทำเสียงเออตอนต้นแล้วนะครับ ขอให้ทำลิ้นอยู่ถูกที่ตอนเริ่มต้นที่จะออกเสียง -ร- ก็ใช้ได้แล้ว
- ring rang rung -ริง- -แรง- -รัง- จำได้ไหมครับ กริยาสามช่อง เวลา ring เป็นคำกริยา
- run -รัน-
- rum -รัม-
- rag -แรก-
- red -เรด-
- read -รีด-
สำหรับพยัญชนะที่กล้ำกับตัว r ก็ให้งอเล้น แล้วกล้ำเข้าไปนะครับ ลองสังเกตฟัง และพูดคำสามคำนี้ดู ซึ่งแตกต่างกัน เฉพาะตัวกล้ำ fry -ฟราย- fly -ฟลาย- fi -ฟาย- (เช่นใน wi-fi หรือ hi-fi) ดูตัวอย่างเพิ่มของคำที่กล้ำด้วย -ร- นะครับ
- friend -เฟรน-
- print -พรินท-
- cry -คราย-
- tree -ทรี-
- train -เทรน-
- dream -ดรีม-
- country -[คัน]-ทริ-
ก่อนจบนี้ลองให้พระเอก R กับนางเอก L มาเจอในคำเดียวกันหน่อย รักมันจะหวานซื้ง ตอนฝึกใหม่ ๆ ผมชอบหัดคำพวกนี้ มันสนุกดี
- really -[เรีย]-ลี่- สังเกตนะครับว่า พยางค์แรกลิ้นไม่แตะเพดานปาก แต่พยางค์หลังแตะ
- Larry -[แล]-รี่- สลับกับคำบน
- correctly -คอ-[เร็ค]-ลี่- แปลว่า อย่างถูกต้อง
เสียง R ลงท้าย
ตอนนี้ลองมาดูเสียง -ร- ที่อยู่ท้ายคำกัน อักษรตัว R นี่เวลาอ่าน ต้องออกเสียงว่า -อาร- นะครับ ที่ปลายคำให้งอลิ้น แล้วออกเสียงครางเอื้อนตอนท้ายนิดหน่อยเป็นเออ หรือ อือ เอานิดเดียวพอได้ยิน ลองออกเสียงคำพวกนี้ดู ซึ่งพยางค์ท้ายจะเป็นพยางค์ที่เน้น และลงด้วยเสียง -ร- ปิดท้ายในทำนองเดียวกันนี้
- far -ฟาร-
- fire -ฟายร-
- tire -ทายร-
- more -มอร-
- door -ดอร-
- before -บิ-[ฟอร]-
- deter -ดิ-[เทอร]-
- desire -ดิ-[ซายร]-
คำจำนวนมากในภาษาอังกฤษ จะมีพยางค์สุดท้ายสะกดด้วย -er หรือ -or เช่น พวกคุณศัพท์ที่ทำเป็นขั้นกว่าทั้งหลาย better faster higher และอื่น ๆ คำพวกนี้พยางค์หลังจะไม่เป็นพยางค์ที่เน้น และจะเป็นเสียงสระแค่เบา ๆ คล้ายเสียงสระ เออะ แต่มีเสียงตัว -ร- ปนอยู่ด้วย และเสียง -ร- ก็ไม่แรงเหมือนกับคำข้างต้นที่เป็นพยางค์เน้น จะไม่ถึงกับมีเสียงเอื้อนตอนท้ายให้ได้ยิน ลองฝึกดูครับ
- dinner -[ดิน]-เนอระ-
- bigger -[บิก]-เกอระ-
- faster อเมริกันอ่านว่า -[แฟส]-เทอระ- คนอังกฤษอ่านว่า -[ฟาส]-เทอระ-
- butter -[บัท]-เทอระ-
- rubber -[รับ]-เบอระ-
- ruler -[รูล]-เลอระ- คำนี้มี เสียง r แล้ว l แล้ว r อีก
ลองทบทวนเทียบกับเสียงลงท้ายด้วย -ล- ดูนะครับ
- labor -[เล]-เบอระ- ลองเทียบกับคำที่เป็นเสียงเดียวกันแต่ลงท้าย -ล- คือ label -[เล]-เบิล-
- wonder -[วัน]-เดอระ- wonderful -[วัน]-เดอระ-เฟิล-
คำที่ลงท้ายด้วย L ที่คล้ายเพิ่มอีกหนึ่งพยางค์
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของการแนะนำเสียง R กับ L นะครับ ก็ไม่มีหลักการพิเศษอะไรเพิ่มเติมหรอกครับ ได้แนะนำกับไปหมดแล้วสำหรับเสียง R กับ L ตอนนี้ขอแค่นำเอาตัวอย่างแสบ ๆ ของตัว L มาให้ดูกัน
คำลงท้ายด้วย L บางคำ รูปดูเหมือนพยางค์เดียว แต่ออกเสียงเอื้อนเหมือนคล้าย ๆ เป็นสองพยางค์ จะออกเสียงเป็นสองพยางค์ก็ได้ หรือพูดให้เร็วหน่อยออกเสียงเป็นพยางค์เดียวแล้วเอื้อน ๆ ตอนหลังหน่อยก็ได้ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ ลองฟังจากพจนานุกรมที่พูดได้ ประกอบดูด้วยนะครับ
- oil ออกเสียงเป็น -[ออย]-ยล- หรือ พอพูดให้เร็วขึ้นหน่อยกลายเป็น -ออยล-
- coil เช่นเดียวกัน ออกเสียงเป็น -[คอย]-ยล- หรือ -คอยล-
- fuel ออกเสียงเป็น -[ฟิว]-อล- หรือ หรือพูดเร็วหน่อยเป็น -ฟิวอล-
- dual เช่นเดียวกัน ออกเสียงเป็น -[ดู]-อล- หรือ -ดูอล-
คำบางคำออกเสียงในทำนองเดียวกับที่กล่าวข้างต้น แต่คราวนี้ ดูรูปเหมือนเป็นสองพยางค์ และคนไทยก็ชอบออกเสียงผิด เพราะไปพยายามออกเสียงตามรูป ดูตัวอย่างนะครับ
- towel แปลว่า ผ้าเช็ดตัว ออกเสียงว่า -[ทาว]-อล- หรือ พอพูดให้เร็วขึ้นกลายเป็น -ทาวอล-
- Powell อันนี้เป็นชื่อเฉพาะที่เราอาจเคยเห็น เช่น อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐชื่อ Collin Powell ในเมืองไทยก็เคยมีคนเอาชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อร้านค้าบ้าง เราดันอ่านว่า โพเวล เข้าป่าไปเลย คำนี้ จริง ๆ แล้วออกเสียงเหมือน towel เลย แค่เปลี่ยนเป็นเสียง -พ- เท่านั้น เพราะฉะนั้น ออกเสียงว่า -[พาว]-อล- หรือพูดเร็วหน่อยเป็น -พาวอล-
คำที่มี L แต่ไม่ออกเสียง
ตัวอย่างแสบ ๆ ของ L กลุ่มถัดมา คือ เป็นคำที่ตัว L ไม่ออกเสียง เช่นพวกลงท้ายด้วย lf, lk, lm ทั้งหลาย พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคำง่าย ๆ ทั้งนั้น แล้วก็ออกเสียงง่าย ๆ คือ ออกเสียงเหมือนไม่มีตัว L อยู่ในคำนั้นเลย พวกเราที่มาเรียนรู้วิธีออกเสียงตัว L แล้ว ก็ขอให้ระวังคำพวกนี้ ให้รู้ไว้ แล้วอย่าไปใส่เสียง -ล- เข้าไป
- half อเมริกันออกเสียงว่า -แฮฟ- อังกฤษออกเสียงว่า -ฮาฟ-
- calf -แคฟ- แปลว่า ลูกวัว
- talk -ทอค-
- walk -วอค-
- chalk -ชอค-
- folk -โฟค-
- calm -คาม-
- palm -พาม-
- salmon -[แซ]-เมิน- หรือ -[ซา]-เมิน- ปลาชนิดหนึ่ง ที่เราเรียกว่า ปลาแซลมอน
- almond คำนี้จะออกเสียง L หรือไม่ก็ได้ มีคนพูดทั้งสองแบบ -[ออล]-เมินด- หรือ -[อา]-เมินด-
- กริยาช่วย would -วูด-, could -คูด-, should – ชูด- พวกนี้โชคดีเราออกเสียงถูกอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่เสมอไปนะครับ มีคำที่มีลงท้ายด้วย lm แต่ต้องออกเสียง L เหมือนกัน เช่น
- film -ฟิลม- วิธีออกเสียงคำนี้ ให้ลองออกเป็นสองพยางค์ -[ฟิ]-ลม- แล้วก็พูดให้เร็วขึ้นกลายเป็นพยางค์เดียว -ฟิลม-
» ไปบทถัดไป 6. เสียง v f และ w » กลับไปที่ สารบัญ