ขอโทษหายไปนานครับ เผอิญมีงานหนักเข้ามา จนไม่มีแรงเหลือ ผมดูวันที่ที่เขียนครั้งสุดท้ายก็หนึ่งเดือนพอดี เลยตกใจ วันนี้ขอเขียนเรื่องความอดทนต่อ เอาเป็นแบบทนทาน แบบล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ บาดเจ็บแล้วก็หายได้ หรือ ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย ประมาณนั้น ฝรั่งเรียก ลักษณะแบบนี้ว่า resilient เน้นพยางค์ที่สองนะครับ อ่านว่า -รี-[ซิล]-เลียน- ถ้าใช้เป็นคำนามก็ resiliency เติม ซี่ ไปอีกพยางค์นึง
endurance ที่เคยเล่าให้ฟังไป เป็นความทนทานแบบอึด อยู่ได้นาน หรือใช้เท่าไรก็ไม่พัง แต่ resiliency เป็นความทนทานแบบสบบุกสมบัน พังแล้วก็กอบกู้ตัวเองขึ้นมาใหม่ได้ คล้าย ๆ แต่ไม่เหมือนกันทีเดียวนะครับ คำว่า tough (ทัฟ) ก็จะเป็นความหมายกลาง ๆ ใช้แทนได้กับทั้งสองคำ
มาดูตัวอย่างเช่น
- He is a resilient person. เขาเป็นคำที่สู้ชีวิต หรือเขาเป็นคนที่ล้มแล้วลุก ใครมีคำแปลอื่นที่เหมาะสม ช่วยเสนอหน่อยนะครับ
- We are a resilient team. We bounce back every time we go down. เราเป็นทีมที่สู้ไม่ถอย ทุกครั้งที่เราล้มเหลวเราจะสามารถกลับมาเอาชนะใหม่ได้ อันนี้ก็ใช้กับทีมกีฬา หรือ ทีมงานก็ได้
- Our democracy is very resilient. ประชาธิปไตยของเรามีความทนทานมาก อันนี้ก็เป็นสิ่งที่อเมริกันเขาชอบขี้คุยกันนะครับ หมายถึงว่า ถึงแม้มีความขัดแย้งกันรุนแรงหลายต่อหลายครั้งในอดีต ประท้วงวุ่นวายก็มีเยอะ แต่การปกครองเขาก็ยังรอดพ้นมาได้
- This device is very fragile. We need something more resilient. ไอ้อุปกรณ์นี้มันพังง่ายเหลือเกิน เราต้องการอะไรที่มันทนทานกว่านี้ fragile (-แฟร-จาล-) แปลว่า แตกหักง่าน พังง่าย
เอาละครับ ขอให้ทุกคนมี resiliency ล้มไปแล้ว อย่าท้อ ลุกขึ้นมาสู้ใหม่นะครับ