สำนวน Excuse me, I’m sorry และ I apologize นี้ แปลว่า ขอโทษได้ทั้งหมด แต่มีที่ใช้ที่บางทีก็ใช้ได้สองอย่าง บางทีก็ได้อย่างเดียว หรือ ก็แล้วแต่คนพูด หรือ แล้วแต่สำเนียงท้องถิ่น ถ้าให้ผมเทียบ ผมขอเรียงลำดับตามความรุนแรงของการขอโทษ ว่าจะขอโทษมากน้อยแค่ไหน การจะใช้ให้ถูกต้อง ก็คือ การขอโทษใช้ให้ถูกกับมุมมองของผู้เสียหายนะครับ ไม่ใช่ทำเขาเสียหายมาก แต่กลับขอโทษเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็จะกลายเป็นเรื่องที่กาละเทศะของสังคม
ผมก็จะเรียงการขอโทษจากเรื่องเล็ก ไปสู่เรื่องใหญ่ ดังนี้
1) เรื่องเล็ก ๆ ที่เป็นการขอโทษแบบมารยาทสังคม เช่น พูดผิดคำขอพูดใหม่ หรือ ฟังเขาไม่เข้าใจ หรือ ขอทางเดิน หรือ ขอตัวออกจากที่ประชุม หรือ เรียกความสนใจ (เช่นจะถามทางกับคนแปลกหน้า) เรื่องนี้คนไทยพูด โทษที หรือ ขอตัวหน่อย อะไรประมาณนั้น ฝรั่งเขานิยมพูดว่า excuse me หรือpardon me สองสำนวนนี้ใช้แทนกันได้
ถ้าเป็นการฟังเขาไม่ได้ยิน ก็ให้ขึ้นเสียงสูงตอนท้าย ถ้าเป็นเรื่องอื่นจะใช้เสียงสูงหรือเสียงต่ำตอนท้ายก็ได้ โดยเสียงสูงนั้นให้ความรู้สึกเป็นเรื่องเล็กน้อยมากกว่าเสียงต่ำ เสียงต่ำให้ความรู้สึกจริงใจมากกว่า
ที่คาบเกี่ยวใช้ได้กันกรณีนี้ก็คือ I’m sorry ซึ่งตามรูปศัพท์นั้นสำหรับเรื่องที่รุนแรกกว่า แต่ก็จะใช้กับกรณีเล็กน้อยบางอย่างก็ได้ บางทีก็ทำให้เบาลงหน่อยได้โดยพูด sorry เฉย ๆ หรือ ลงท้ายด้วยเสียงสูงแทนที่จะเป็นเสียงต่ำ
เช่น
- Excuse me. Do you have the time? หรือ Excuse me. Do you know what time it is? ก็เป็นการถามเวลากับคนไม่รู้จัก
Excuse me เป็นการเรียกความสนใจ จะขออะไรกับคนแปลกหน้า ไม่ควรใช้ I’m sorry. จะให้เพราะกว่านี้ก็ Excuse me, sir. ถ้าเขาเป็นชาย หรือ Excuse me, mam. ถ้าเขาเป็นหญิง - ถ้าฟังเขาไม่ได้ยิน หรือไม่เข้าใจ จะพูด Excuse me. หรือ Pardon me. หรือ I’m sorry. หรือ Sorry. เฉย ๆ ก็ได้ แต่ให้ขึ้นเสียงสูง
- ถ้าอยู่ในที่ประชุม แล้วมือถึอดังขึ้นมา จะขอตัวไปรับ ก็พูดว่า Excuse me, I need to take this call. หรือ I’m sorry. I need to take this call. ก็ได้ อันนี้ไม่ควรใช้เสียงสูง
- เวลาขอทาง หรือเดินเบียดคนอื่นเพื่อไปนั่ง
แถวใน ก็ใช้ Excuse me. ถ้ารู้สึกกวนเขามากก็จะ I’m sorry. ก็ได้ และทั้งสองแบบจะใช้เสียงสูง หรือต่ำก็ได้ ให้ความรู้สึกอย่างที่บอกไปแล้ว ไม่มีผิดนะครับ จะผิดก็คือ ถ้าเดินเบียดเขา แล้วไม่พูดอะไรเลย
2) ขั้นรุนแรงต่อไปก็คือ เราเริ่มทำผิดจริง ๆ แล้ว ทำคนอื่นเดือนร้อน อาจเป็นเรื่องเล็กน้อย ถึงเรื่องใหญ่ก็ได้ เช่น เดินเหยียบเท้าเขา ทำของเขาแตก พูดชื่อเขาผิด ฯลฯ อันนี้ ก็ให้พูดว่า I’m sorry. ไม่ควรใช้ excuse me และก็ห้ามลงท้ายด้วยเสียงสูง (เสียงสูงของฝรั่งก็ประมาณเสียงตรี กับจัตวาเรา)
3) การขอโทษที่ไม่ใช่จากอุบัติเหตุ และเป็นเรื่องทำให้บาดหมางใจได้ เช่น ไปกล่าวหาใครเขาผิด ๆ หรือ ไปด่าเขา หรือ ดูถูกเขา ฯลฯ คือ มักเป็นเรื่องกระทบกระทั่งชื่อเสียง หรือ จิตใจของคนรับ ก็ใช้ได้ทั้ัง I’m sorry และ I apologize (-อะ-[พอ]]-เละ-[ไจซ]-)
ถ้าเป็นอุบัติเหตุ เช่น ทำของเขาแตก เดินเหยียบเท้า อย่างนั้นใช้ I’m sorry ดีกว่า ไม่ใช้ I apologize. ในกรณีอื่น ๆ นั้นก็ขึ้นกับดุลพินิจของคนพูดนะครับว่าจะ sorry หรือ apologize บางทีเราพูดชื่อเขาผิด หรือสะกดชื่อเขาผิด เรื่องชื่อบางคนเขาก็ถึือนะครับ ว่าเป็นเรื่องเกียรติ ถ้าเราจะพูดให้สุภาพ ให้ระวังมากไว้ก่อน ก็บอก I apologize ก็ได้ วันก่อนผมก็เห็นในภัตตาคาร มีฝรั่งเขาไปเข้าใจผิดว่า ลูกค้าคนหนึ่งเป็นพนักงานเสริฟร พอรู้เขาก็รีบบอกว่า I apologize ไว้ก่อน
ดังนั้น ในความรุนแรงแบบที่สามนี้ จะใช้ sorry หรือ apologize ก็ได้ โดย apologize นั้นฟังหนักแน่นกว่า จริงจังกว่า บางคนก็พูดทั้งสองอย่างไปเลย เพราะแปลตามตัว มันก็คนละความหมายนะครับ sorry คือ เสียใจในสิ่งที่ทำไป หรือ เสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วน apologize คือ ยอมรับว่าสิ่งที่ทำไปนั้นผิด และขอให้ยกโทษให้ คนตอบก็ตอบได้ต่างกันนะครับ ถ้าเราเป็นคนรับ I’m sorry ก็ตอบได้ว่า ไม่เป็นไร เช่น That’s ok. หรือ That’s alright. หรือ No problem. หรือ Don’t worry about it. ส่วน apologize นั้น เราจะตอบว่าไม่เป็นไรก็ได้ ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือจะตอบว่า ยกโทษให้ก็ได้ คือ I accept your apology. หรือ Your apology is accepted. หรือ สั้น ๆ ว่า Apology accepted. ก็ได้
นอกจากนี้ apologize ก็ยังนิยมใช้ในการขอโทษแบบเป็นทางการ เช่น การประกาศขอโทษ หรือ จดหมายขอโทษ
>> ลองฟังเปรียบเทียบ การออกเสียง excuse me ที่จบด้วยเสียงสูงกับต่ำ, I’m sorry ที่จบด้วยเสียงสูงกับต่ำ, และ I apologize.