No Matter What

ผมเคยเขียนเรื่อง matter ไปแล้วครั้งนึงนะครับ ไปค้นหาย้อนหลังได้ สำหรับ no matter what ก็ย่อมาจาก No matter what happens ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ในภาษาพูดก็พูดย่อ ๆ ได้ว่า no matter what ใช้ขยายประโยค ตัวอย่างเช่น

  • I will always love you no matter what.

Until

อืม ไม่นึกว่าจะมาเขียนอธิบายศัพท์ง่าย ๆ อย่างนี้ครับ แต่บังเอิญไปช่วยตรวจการบ้านให้คนอื่น เห็นคำว่า until ใช้ผิดที่  คำว่า until แปลว่า จนกระทั่ง  ในภาษาไทย เช่น

  • Wait here until I come back.   รอตรงนี้จนกว่าฉันจะกลับมา

ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งไทยและอังกฤษให้ความหมายตรงกัน ทีนี้พอมาใช้ในประโยค เช่น แล้วเขาก็อยู่ที่นั่นมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้   ถ้าแปลว่า

  • And he has lived there until now.  

ไม่รู้ทำไม

คราวนี้ สำนวนที่เราใช้บ่อย ๆ ว่า ไม่รู้ทำไม  ฝรั่งก็ใช้บ่อยเหมือนกันครับ ถ้าแปลตามตัว I don’t know why ก็พอใช้ได้เหมือนกัน แต่มีแบบกระทัดรัดกว่านั้น ลองมาดูเช่น เราพูดว่า ไม่รู้ทำไมรู้สึกอยากจะไปเที่ยวทะเล  ก็พูดได้ว่า

  • I don’t know why but I feel like I want to go to the beach.

ตั้งใจ กับ ไม่ได้ตั้งใจ

อีกสำนวนที่ใช้มากทั้งไทย และเทศ ก็คือ เวลาเราจะบอกว่า ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้น หรือ ไม่ได้ตั้งใจทำอย่างน้้น คือเวลาจะอธิบายความอะไร เมื่อมีการเข้าใจผิดกันเป็นต้น  ในภาษาอังกฤษก็พูดได้หลายแบบครับ

เช่นจะบอกว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจทำอันนั้น ใช้เวลาอธิบายความแก้ความเข้าใจผิดนะครับ เวลาทำอะไรไปโดยบังเอิญ แล้วอาจทำให้คนอื่นไม่พอใจ

  • I did not intend to do that.   ถ้าเกี่ยวกับคำพูดก็ใช้ I did not intend to say that.

บังเอิญ

ผมบางทีมีโอกาสต้องแปลไทยเป็นอังกฤษให้ฝรั่งครับ ก็เอามาเล่าให้ฟังในทางกลับกันว่า ภาษาไทยพูดอย่างนี้ ภาษาอังกฤษพูดอย่างไรแล้วกัน  อย่างเช่น คำว่า บังเอิญ หรือ เผอิญ ก็ใช้คำกริยาได้ว่า happen to เช่น

  • He happened to walk by when we talked about him.  เขาเดินผ่านมาพอดี ตอนเราพูดถึงเขา
  • I happen to be good at this.  

Lee Kuan Yew and Singapore

คุณลีกวนยูก็เพิ่มเสียชีวิตไปเมื่อวันจันทน์ที่ผ่านมา ผมก็เลยได้มีโอกาสได้ฟังบทสัมภาษณ์เก่าของท่านในรายการชาลี โรส ของ PBS น่าสนใจครับ เราอาจได้ยินเรื่องวิสัยทัศน์ และความสำเร็จของท่านมาบ้าง แต่ที่ผมประทับใจและเพิ่งเข้าใจชัดเจนจากรายการนี้ คือ วิสัยทัศน์ในการสร้างสังคมที่คนต่างเชื้อชาติ และภาษามาอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ ในสิงคโปร์นั้นมีทั้งคนเชื้อสายจีน มาเล และอินเดียอาศัยอยู่ แล้วก็มีฝรั่ง และชาติอื่น ๆ มาทำงาน หรือเรียนอีกมาก (มากกว่า 30% เป็นชาวต่างชาติ)  นี่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกตอนนี้นะครับ ซึ่งคุณลีก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาทำสำเร็จได้อย่างไร และต่างจากวิธีของอเมริกันอย่างไร  แต่เขาก็ยอมรับว่า วิธีของเขานั้นเป็นวิธีเชิงบังคับ (enforced) การปรองดองมันยังไม่อยู่ใน DNA ของคน

คุณลีเป็นคนที่มองโลกกว้างครับ เพราะได้ไปอยู่ที่อังกกฤษ และอเมริกา และก็ไปเยี่ยมดูที่ต่าง ๆ มาทั่วโลก เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ และความผิดพลาดของคนอื่น และของตนเอง ใครที่สนใจเรื่องการบ้างการเมือง หรือเรื่องสังคมโลก และความปรองดองของคน ลองคลิกที่รูปไปฟังดูนะครับ (ลิงค์อาจอยู่ไม่ถาวร ขึ้นกับเจ้าของเขา) ผมอยากจะแปลให้แต่ก็คงไม่ไหว ใครสงสัยตอนไหนก็ถามมาแล้วกัน

Lee Kuan Yew on Charlie Rose

 

Study vs Learn

อีกสองคำที่คล้าย ๆ กัน แต่ว่าไปแล้วไม่เหมือนกันเลย ใช้คนละที่คนละทางเลย ก็คือ learn กับ study

learn หมายถึง เรียนรู้  อาจจะจากคนอื่นสอนก็ได้ เรียนเองก็ได้ หรือจากประสบการณ์ก็ได้  เช่น

  • I don’t learn anything from this class.   ฉันไม่ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นเลยจากวิชานี้
  • I learned a lot from this experience.  
Copyright © 2013-2025 betterenglishforthai.net